ผู้ริเริ่มนำเอาเทคนิคนี้มาปรับใช้ในการเรียนรู้ภาษาคือศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ อาร์กูเลส นักวิชาการชาวอเมริกา จากสามารถในการสื่อสารทางภาษาที่หลายหลากของอาร์กูเลสนั้นมาจากการฝึกฝนตนเองและการใช้เทคนิคเลียนเสียงของเจ้าของภาษาหรือ Shadowing ต่อมาได้มีนักวิชาการนำเทคนิคนี้มาศึกษาค้นคว้าหาประสิทธิภาพต่อการพัฒนาทักษะทางภาษาต่างๆ มากมาย ซึ่งลักษณะของทฤษฎีนี้คือฟังเสียงของภาษาที่ได้ยิน เมื่อผู้เรียนได้ยินเสียงจากเจ้าของภาษาแล้วจะออกเสียงตามไปด้วยเปรียบเสมือนเป็นเงาของเสียงนั้นในกระจก มีการใช้เทคนิคแชโดวิงในการเรียนรู้ภาษาของล่ามหรือนักแปลภาษา ในทตศวรรษนี้เทคนิค แชโดวิง เป็นเทคนิคที่นักการศึกษาให้ความสนใจ ซึ่งรวมไปถึงการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศอื่นๆ อีกด้วย (โย ฮามาดะ 2012)
การเรียนรู้โดยใช้เทคนิค Shadowing มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่
1 เริ่มต้นจาก Blind Shadowing คือให้ฟังเสียงจากไฟล์และออกเสียงตาม
เน้นฟังน้ำเสียงและจังหวะการพูด ไม่ต้องพยายามเข้าใจความหมาย
ไม่ต้องดูสคริปต์เนื้อหา ให้ออกเสียงตามเสียงที่ได้ยินดังๆ ไม่เป็นประโยคไม่เป็นไร
เน้นเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน แนะนำให้เคลื่อนไหวร่างกายในระหว่างฝึกฝน ใช้วิธีการขั้นที่
1 นี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพูดออกเสียงได้คล่องและชัดถ้อยชัดคำ
แต่ละคนอาจจะใช้ระยะเวลาต่างกัน ซึ่งเป็นการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
ระยะเวลาที่จะเห็นผลย่อมไม่หมือนกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีวินัยและความตั้งใจจริง
ขั้นที่ 2
เมื่อสามารถออกเสียงเลียนแบบไฟล์ต้นแบบได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว
ให้เริ่มออกเสียงไปพร้อมๆ กับดูสคริปต์เนื้อหาของเสียงที่ฟัง
2.1 โดยเริ่มจากหูฟังเสียง ปากออกเสียงตาม
และสายตาอ่านเฉพาะสคริปต์ภาษาที่ต้องการเรียน ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอ่านทัน
2.2 จากนั้นใช้หูฟังเสียง ปากออกเสียงตาม
และสายตาให้อ่านเฉพาะสคริปต์ภาษาที่แปลความหมาย
เพื่อให้เข้าใจความหมายของเสียงที่ได้ยิน ทำไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินทั้งหมด
2.3 ขั้นต่อไป หูฟังเสียง ปากออกเสียงตาม
และสายตาอ่านสลับไปมาระหว่างภาษาที่ต้องการเรียนกับภาษาที่แปลความหมาย
เพื่อเชื่อมโยงสิ่งที่พูดกับความหมาย
2.4 กลับไปทำซ้ำข้อ 2.1
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
ขั้นที่ 3
ศึกษาทำความเข้าใจเนื้อหา คำศัพท์ และรูปประโยค
ในการฝึกฝนอาจจะแบ่งเป็นกลุ่มของบทเรียน
เช่น การฝึกฝนบทที่ 1-3
ในสองสัปดาห์แรกหรือมากกว่านั้น ใช้วิธี Blind Shadowing กับบทที่ 1 เมื่อบทที่ 1 ออกเสียงได้คล่องแล้ว
ก็เริ่มฝึกขั้นที่ 2 ด้วยการดูสคริปต์
และในช่วงสัปดาห์เดียวกันก็เริ่มใช้ Blind Shadowing กับบทที่
2
เป็นลักษณะของการเรียนแบบคาบเกี่ยวกันในกลุ่มบทเรียนที่แบ่งไว้
เพื่อให้เกิดการทำซ้ำ ฟังซ้ำๆ ออกเสียงซ้ำๆ อ่านซ้ำๆ ซึ่งเป็นวิธีการสำคัญของการฝึกฝนภาษา
โดยในแต่ละวันอย่างน้อยควรจะได้เริ่มใหม่หนึ่งบทเรียน ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน บทเรียนที่ใช้วิธีฝึกฝนครบทุกขั้นตอน 1-3 แล้ว นำมาเปิดเสียงฟังไปในขณะทำกิจกรรมอื่นๆ
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
(อ้างอิงมาจาก http://www.xuehaohanyu.com, 4/05/2015)
ประโยชน์ของเทคนิคแชโดวิง
(Shadowing) (Gordon
Luster, Language Education and Research Network, 2005)
1.
ช่วยพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
การพูดเป็นทักษะหนึ่งที่อาศัยการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ
ในการฝึกทักษะการพูดหลายคนอาจคิดว่าต้องอาศัยเจ้าของภาษาหรือมีคนพูดภาษาอังกฤษด้วย
แต่การฝึกทักษะการพูดสามารถทำได้โดยอาศัยการฟังเทปหรือซีดี
และเลียนแบบเสียงที่ได้ยินจากเทป
2.
ช่วยพัฒนาทัษะการฟังได้เป็นอย่างดี เทคนิค Shadowing อาศัยการฟังเสียง
ซึ่งผู้เรียนต้องฟังอย่างตั้งใจ เมื่อผู้เรียนตั้งใจฟัง
ผู้เรียนจะได้ยินคำชัดขึ้นทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจข้อความที่ฟังมากยิ่งขึ้น
3.
ช่วยพัฒนาการออกเสียง
เมื่อผู้เรียนเรียนด้วยเทคนิค Shadowing จะทำให้ผู้เรียนได้ซึมซับและคุ้นเคยกับเสียง
น้ำหนักเสียงสูง – ต่ำ รูปแบบการเน้นคำ
ซึ่งการออกเสียงถือว่าสิ่งสำคัญต่อการพูดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง
ในการพูดของเจ้าของภาษา
บางครั้งคำบางคำที่ไม่สำคัญจะถูกเน้นเสียงน้อยที่สุดจนบางครั้งคำนั้นไม่ปรากฎออกมา การเรียนรู้ด้วยเทคนิค Shadowing จะทำให้ผู้เรียนฟังอย่างละเอียดจนสามารถแยกเสียงนั้นได้ และเมื่อผู้เรียนพยายามเลียนแบบเสียงของ
4.
ช่วยพัฒนาการพูดให้มีความคล่องแคล่วกระชับมากยิ่งขึ้น
ผู้เรียนส่วนใหญ่จะพูดช้าและลังเลทำให้การพูดเป็นไปอย่างกระอักกระอ่วน เมื่อเรียนด้วยเทคนิค Shadowing ผู้เรียนจะพยายามพูดให้ทันเสียงต้นฉบับซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ
ผู้เรียนจะเริ่มมีพัฒนาการจนสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่ว
5.
ช่วยเพิ่มพูนคำศํพท์ การพูดของเจ้าของภาษาแต่ละครั้งนั้นในแต่ละประโยคมีคำศัพท์และวลีที่น่าสนใจมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เรียนภาษาอังกฤษถือว่าคำศัพท์ที่ผู้เรียนมีนั้นมีน้อยมาก แต่เมื่อผู้เรียนใช้เทคนิค Shadowing
ผู้เรียนจะพูดคำศัพท์หรือวลีเดียวกันกับเจ้าของภาษาและเมื่อพูดซ้ำๆ
บ่อยๆ ผู้เรียนจะเข้าใจความหมายของคำนั้นๆ ที่ใช้ในแต่ละประโยค และสามารถจดจำคำศัพท์ รูปแบบของวลีได้ดีขึ้น
ช่วยพัฒนาความรู้เรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
ผู้เรียนหลายคนส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษไม่ค่อยถูกต้องตามหลักภาษานัก
แม้แต่เจ้าของภาษาเองแต่ถือว่าพวกเขายังใช่ผิดไม่บ่อยเท่าผู้เรียนภาษาอังกฤษ การใช้เทคนิค Shadowing
ผู้เรียนจะได้ฝึกพูดตามเสียงของเจ้าของภาษา
ซึ่งมีโครงสร้างประโยคค่อนข้างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ทำให้ผู้เรียนซึมซับโครงสร้างนั้นๆ
และเรียนรู้ไวยากรณ์ไปในตัวทำให้เข้าใจโครงสร้างและใช้ได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น